ปฏิกิริยา ของ เหตุแฟนบอลสโมสรฟุตบอลนครปฐมทำร้ายผู้ตัดสิน พ.ศ. 2553

กระบวนการยุติธรรม

วันที่ 26 ธันวาคม สาธิต ปิตุเตชะ ประธานคณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวได้ทำลายความนิยมในวงการฟุตบอล และแสดงความคิดเห็นว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่พบเห็นเหตุการณ์จะต้องดำเนินคดีอาญากับผู้ที่ทำความผิดโดยไม่ต้องรอแจ้งความ ส่วนประเด็นที่ว่ากรรมการตัดสินด้วยความยุติธรรมหรือไม่ให้สมาคมฟุตบอลจัดการ[7]

ผมหวังว่าจะเห็นพนักงานสอบสวน จะได้ชื่อผู้ทำกระทำความผิดทั้งหมด พร้อมกับต้องแจ้งความดำเนินคดีด้วย และหากต้องการให้มีการกล่าวโทษก่อน ผมก็จะขอกล่าวโทษในตอนนี้เลยเกี่ยวกับผู้กระทำความผิด และผมตนจะเดินทางไปตรวจสอบในสถานีตำรวจที่รับผิดชอบสนามกีฬามหาวิทยาเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตนครปฐม ซึ่งเป็นสถานที่แข่งขันด้วย[7]

ส่วนในกรณีที่มีนักการเมืองอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ดังกล่าวหรือไปตบกรรมการผู้ตัดสิน สาธิตให้สัมภาษณ์ว่าเป็นเรื่องที่ต้องตรวจสอบความจริงกันต่อไป[7]

วันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2553 พันจ่าเอกนพพร ศิริรังษี ผู้ที่ถือปืนในสนามระหว่างเกิดเหตุ ได้เข้ามอบตัวที่สถานีตำรวจภูธรกำแพงแสนแล้ว โดยไชยา สะสมทรัพย์ยอมรับว่ารู้จักกับชายคนดังกล่าว แต่ที่ชักปืนออกมาเป็นเพราะต้องการระงับเหตุการณ์เท่านั้น[8] ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรกำแพงแสนเปิดเผยว่า เตรียมออกหมายเรียกอีก 5 คนจากหลักฐานภาพถ่าย[6] พร้อมกันนั้น ได้ตั้งทีมสอบสวนขึ้น 4 ชุด ติดตามจับกุมแฟนบอลที่มีส่วนในเหตุการณ์ และรวบรวมหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ก่อเหตุ[9] ด้านรองผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรกำแพงแสน ระบุว่าทราบชื่อผู้ก่อเหตุแล้ว 4 คน ได้แก่ จิ๊บ, "เอก" พีระ วิจิตร, เปิ้ล สมอร์รูม และ "จุ๋ม" ภาคิน"[10]

ต่อมา ได้มีแฟนบอลนครปฐมที่มีส่วนในเหตุการณ์จำนวน 6 คนเข้าให้ปากคำกับทางตำรวจ ประกอบด้วย ฐานุพงษ์ รังสิไตรพงษ์, ชัยศิริ สกลพันธุ์, กิตติศักดิ์ ศรีมนทก, ยุมมาคาร คเกเคล, นิคม ทองหอม และวิศาล ลักษณ์ในธรรม เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจโดยยังไม่ได้รับหมายเรียกจากตำรวจ และพร้อมให้การในชั้นศาล[11] ซึ่งทั้งหกคนให้การปฏิเสธว่าไม่ได้ทำร้ายร่างกายกรรมการอย่างที่ถูกกล่าหา โดยถูกตั้งข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่ร่างกายและจิตใจ[12] ทำให้จนถึงขณะนี้มีผู้เข้ามาพบตำรวจแล้ว 7 ราย คงเหลือผู้ที่ถูกออกหมายเรียกอีก 3 ราย[11]

ส่วนทางฝ่ายผู้เสียหาย เจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำไปแล้ว 8 ราย ได้แก่ ผู้ตัดสินทั้งห้าคน ประกอบด้วย อภิสิทธิ์ อันรักษ์, สุเมธ สายแวว, พรไพรัช โพยกระโทก, สุรพล สว่างจิตต์ และโสภณ มหาบุญ และกองเชียร์อีกสามคน ประกอบด้วย อภิรักษ์ โนนทอง, นันทพนธ์ ศริเตชะวรากูล และสมศักดิ์ ศรีสะอาด[11]

การลงโทษสโมสรนครปฐม

วันที่ 28 ธันวาคม วิชิต แย้มบุญเรือง ประธานบริหารไทยพรีเมียร์ลีก กล่าวถึงการพิจารณาบทลงโทษทีมนครปฐมว่า ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณามารยาทและวินัย โดยจะมีการประชุมสรุปหลักฐาน[13] วิชิตได้เปิดเผยถึงข้อสรุปที่จะเสนอแก่คณะกรรมการ โดยพบว่ามีการทำผิดหลายกรณี ได้แก่ นักฟุตบอลใช้คำพูดที่ไม่เหมาะสมกับผู้ตัดสิน และทำร้ายผู้ตัดสิน บทลงโทษเบื้องต้นคือ ปรับเจ้าหน้าที่ที่ทำร้ายผู้ตัดสิน 100,000 บาท และกองเชียร์ที่ก่อเหตุอีก 50,000 บาท[14]

นอกจากนี้ ในส่วนบทลงโทษขั้นรุนแรงนั้น เราได้ข้อสรุปที่จะเสนอต่อคณะกรรมการชุดใหญ่ของ พล.ต.อ.วรพงษ์ ซึ่งจะมีการประชุมใหญ่ในวันที่ 29 ธ.ค. เวลา 15.00 น.ได้แก่ การงดใช้สนามเหย้า ไม่น้อยกว่า 10 นัด หรือจะให้ถอนทีมจากการแข่งขัน หรือ นครปฐมจะถูกลดชั้นไปเล่นในดิวิชั่น 2 หรืออีกกรณีคือ การพักสิทธิเข้าร่วมการแข่งขันดิวิชั่น 1 เป็นเวลา 1 ปี[14]

วิชิตระบุว่าบทลงโทษสูงสุด คือ การถอนสมาชิกภาพของสโมสร ซึ่งได้ส่งเป็นข้อเสนอให้สภากรรมการบริหารสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยได้พิจารณา พร้อมยืนยันว่าในฤดูกาลหน้า จะมีการแก้ไขระเบียบบทลงโทษให้รุนแรงยิ่งขึ้น โดยจะมีการเขียนไว้เป็นลายลักษณ์อักษรนำเสนอต่อสาธารณชนในช่วงงานฟุตบอล เอ็กซ์โป ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 14-15 มกราคมปีหน้า[14] ในภายหลังมีกลุ่มแฟนบอลศรีสะเกษมายื่นหนังสือและซีดีบันทึกเหตุการณ์ดังกล่าว[14]

วันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2553 คณะพิจารณามารยาทและข้อประท้วง ที่มีพลตำรวจโทวรพงษ์ ชิวปรีชาเป็นประธาน ได้มีมติลงโทษสโมสรนครปฐม ตัดสิทธิ์ไม่ให้เข้าร่วมการแข่งขันที่สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยจัดขึ้นทุกรายการเป็นเวลา 2 ปี ปรับรวมเป็นเงิน 160,000 บาท พร้อมทั้งห้ามธนากร ขำโขมะ กองหลังทีมนครปฐม ลงเล่น 1 นัด จากพฤติกรรมด่าทอผู้ตัดสินอย่างหยาบคาย[1] ด้านพรีเมียร์ลีกพร้อมในกรณีที่ต้องจัดโปรแกรมแข่งขันโดยมี 17 ทีม หากนครปฐมผ่านเข้าเล่นในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลหน้า และหากพ้นกำหนดโทษแล้ว ยังมีพฤติกรรมเช่นนี้อีก อาจลงโทษยุบทีมเพราะกระทำความผิดซ้ำซากได้[1]

ไชยา สะสมทรัพย์ ระบุถึงกรณีดังกล่าวว่าจะยุบทีม และหันไปทำทีมฟุตซอลลีกแทน และอาจให้ความสนใจกับฟุตบอล "ลาวลีก"[15] ส่วนทางวิชิต แย้มบุญเรือง ออกมาระบุว่า ทีมที่มีชื่อ "นครปฐม" ในชื่อสโมสร ไม่สามารถส่งทีมเข้าร่วมการแข่งขันฟุตซอลได้ เพราะเป็นการแข่งขันที่สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยรับรอง[15] ผลจากบทลงโทษดังกล่าวทำให้ลีกดิวิชั่น 1 เหลือเพียง 17 ทีม[15]

นอกจากนั้น วิชิต แย้มบุญเรือง ยังได้ออกกฎใหม่เพื่อความปลอดภัย คือ หากเกิดเหตุการณ์ที่แฟนบอลทำร้ายผู้ตัดสินหรือผู้เล่นคนใด จะโดนตัดสิทธิ์ถอนทีมทันที โดยไม่ต้องรอการประชุม[15]

สโมสรนครปฐม

วันที่ 26 ธันวาคม แฟนคลับสโมสรนครปฐมได้ออกแถลงการณ์ขอโทษแฟนบอลทีมศรีสะเกษผ่านเว็บไซต์ของสโมสร มีใจความว่า ปัญหาเกิดขึ้นจากการทำหน้าที่ของผู้ตัดสิน ขอให้แฟนบอลทีมศรีสะเกษและทุกทีมเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รู้สึกเสียใจและอยากกล่าวคำว่า "ขอโทษจากใจ ให้แฟนบอลศรีสะเกษ ทุกท่าน"[16] วันที่ 27 ธันวาคม แฟนสโมสรนครปฐมได้ออกรายการเจาะข่าวเด่นทางช่อง 3 กล่าวขอโทษถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น[6] พร้อมยืนยันว่าผู้ที่ก่อเรื่องเป็นแฟนบอลพลัดถิ่น ไม่ใช่แฟนบอลนครปฐม ส่วนทางด้านไชยา สะสมทรัพย์และการ์ดไม่มีเจตนาอื่นนอกจากต้องการเข้าไปยุติเหตุการณ์เท่านั้น[10]

ด้านไชยา สะสมทรัพย์ ที่เตรียมแถลงข่าวที่บ้านพักในช่วงบ่ายของวันที่ 27 ธันวาคม ได้ตัดสินใจเลื่อนแถลงข่าว โดยส่งตัวแทนออกมาให้เหตุผลว่า ยังทำใจไม่ได้ และยังไม่พร้อมที่จะให้ข่าว[6] ต่อมา ได้มีการแถลงข่าว ยืนยันจะไม่ขอโทษผู้ตัดสินในเหตุการณ์ เพราะเห็นว่าไม่มีความจำเป็น และผู้ตัดสินรายดังกล่าวตัดสินผิดพลาด อันนำไปสู่เหตุการณ์[12] โดยยืนยันว่าบริษัทไทยพรีเมียร์ลีกและสมาคมผู้ตัดสินไม่เคยพัฒนาตัวเอง เพราะก่อนหน้านี้เคยแจ้งปัญหาที่เกิดขึ้นในนัดที่นครปฐมเยือนศรีสะเกษแก่สมาคมผู้ตัดสินแล้ว ก็ไม่ได้รับการตอบสนองแต่อย่างใด[17]

ผมเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เดินลงไปเพื่อห้ามปราม แต่คนมากเอาไม่อยู่จริงๆ แฟนบอลมากจนทะลักลงมาที่ริมสนาม แปลกใจมากเล่นมาสองเลก และเพลย์ออฟ ไม่เคยมีสารวัตรทหารมาเป็นการส่วนตัว ยังถามว่าต้องจ่ายเงินหรือไม่ กรรมการบอกไม่ต้องจ่าย จ่ายมาแล้วเป็นการส่วนตัว หมายความว่าอย่างไร มีการวางแผนกันจะมาให้ผมขอโทษ ชาติหน้าบ่ายๆ เถอะ ผมไม่ขอโทษเด็ดขาด ทำไมผมต้องขอโทษ เราทำหนังสือไปเขายังไม่มีคำตอบมาให้ชัดเจน จะต้องไปขอโทษทำไมไม่มีทาง[17]

ส่วนเฉลิมศักดิ์ แก้วสุขแท้ กองหลังทีมนครปฐม ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก แสดงความสะใจจากเหตุทำร้ายอภิสิทธิ์ อ้นรักษ์ ทั้งนี้ได้ประกาศว่า ตนและเพื่อนร่วมทีมไม่ผิด และผู้ตัดสินตัดสินไม่เป็นธรรม ซึ่งก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ตามมา[18] โดยมีข้อความบางตอนว่า "สะใจสุด ๆ สมควรโดนมานานและ อุตส่าออกสื่อไปนานแล้วนะ ว่านครปฐมมือปืนเยอะ …… ยังไม่ฟังอีก สะจัยสาตตตต" และ "ไม่รู้สึกต่อเหตุการณ์แต่อย่างใด และถ้าหากว่าถูกลงโทษ ก็จะย้ายทีม"[8]

หลังจากที่มีบทลงโทษสโมสรฟุตบอลนครปฐมออกมาแล้ว ทำให้ผู้เล่นทีมนครปฐมหาทีมใหม่ต่อไป โดยธนากร ขำโขมะ ที่ได้รับบทลงโทษไปด้วยนั้น ได้เซ็นสัญญากับสโมสรฟุตบอลชัยนาท ร่วมกับภูวดล สุวรรณชาติด้วยแล้ว ส่วนผู้เล่นคนอื่นในทีม หลายคนยังตกงานอยู่[15] ส่วน วิมล จันทร์คำ โค้ชของทีมนครปฐม กล่าวว่าตนจะหยุดงานโค้ชไปเรียนต่อบี และเอ ไลเซนส์ เพื่อกลับมาทำหน้าที่ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น[15]

ต่อมา ใน พ.ศ. 2554 สโมสรฟุตบอลนครปฐมได้ยื่นหนังสืออุทธรณ์โทษจาก 2 ปี เหลือ 1 ปี ซึ่งจนถึงวันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2554 ทางสโมสรได้ยื่นหนังสือไปยังสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยเป็นครั้งที่สองแล้ว[19]

ผู้ตัดสิน

จากเหตุการณ์ดังกล่าว ประธานคณะกรรมการฝ่ายผู้ตัดสิน สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้เรียกประชุมคณะกรรมการด่วน โดยเชิญผู้ตัดสิน ผู้ช่วยผู้ตัดสิน และผู้ควบคุมการแข่งขัน มารายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งอภิสิทธิ์ อ้นรักษ์ ผู้ตัดสิน ได้ยืนยันว่า ตนได้ทำหน้าที่อย่างเป็นธรรม หากมีการเอนเอียงหรือรับสินบน ยินดีจะยุติการทำหน้าที่ตลอดชีวิต[16] ซึ่งอภิสิทธิ์ อ้นรักษ์ เป็นผู้ตัดสินฟีฟ่าเบอร์ 2 ของไทย[16]

เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ผู้ตัดสินกว่า 300 คนตามทะเบียนสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เรียกร้องให้กำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัยแก่ผู้ตัดสินทุกนัด โดยหากเห็นว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือรู้สึกไม่ปลอดภัยจะไม่เดินทางไปทำหน้าที่[16]

อื่น ๆ

สโมสรศรีสะเกษจากข้อครหาว่าทีมศรีสะเกษซื้อตัวผู้ตัดสินฟุตบอลนัดดังกล่าว สมบัติ เกียรติสุรนนท์ ผู้จัดการทั่วไปของสโมสรศรีสะเกษ ได้ออกมายืนยันและกล้าสาบานว่าไม่มีการซื้อตัวผู้ตัดสินแต่อย่างใด และไม่ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากกรณีดังกล่าว แต่ได้แจ้งความกับสถานีตำรวจภูธรกำแพงแสนจากกรณีที่มีแฟนบอลได้รับบาดเจ็บ รถ และอุปกรณ์เชียร์ได้รับความเสียหาย[20]พรชัย โควสุรัตน์ อดีตประธานสโมสรฟุตบอลอุบลยูไนเต็ดไม่อยากโทษให้เป็นความผิดของใคร แต่เชื่อว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดจากความไม่เชื่อมั่นในการบริหารงานของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย จึงไม่ยอมร้องเรียนการกระทำของผู้ตัดสินตามกระบวนการ เรียกร้องให้แฟนบอลไม่ซื้อสินค้าของบริษัทที่ให้การสนับสนุนสมาคม เพื่อให้ทบทวนบทบาทของตนเอง หรือแสดงความรับผิดชอบต่อความตกต่ำของฟุตบอลไทย[21]

แหล่งที่มา

WikiPedia: เหตุแฟนบอลสโมสรฟุตบอลนครปฐมทำร้ายผู้ตัดสิน พ.ศ. 2553 http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/life-sty... http://www.ch7.com/news/news_sports_detail.aspx?c=... http://www.esarnzing.com/sport/%E0%B9%80%E0%B8%89%... http://www.isnhotnews.com/2010/12/%E0%B9%81%E0%B8%... http://www.krobkruakao.com/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B... http://www.krobkruakao.com/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B... http://sport.mthai.com/thai-football/60137.html http://sport.mthai.com/thai-football/60280.html http://sport.sanook.com/%E0%B9%82%E0%B8%96%E0%B9%8... http://sport.sodazaa.com/3433.html